ไอดิน... กลิ่นทุ่ง
พฤศจิกายน ย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว ช่วงนี้อีสานบ้านเราคงจะวุ่นอยู่กับการเกี่ยวข้าว ทุ่งนายามนี้บางแห่งข้าวสุกงอมน้อมต่ำลง รอเคียวเกี่ยว บางที่คงเหลือแต่ตอซัง นานวันเข้าก็ผุพังแลเปื่อยเน่าเป็นปุ๋ยลงดิน หมุนเวียนอยู่อย่างนี้เป็นวัฏจักร
ที่มาภาพ : http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201309/23/51094c31a.jpg
นับตั้งแต่ท้องทุ่งอันว่างเปล่า กลายเป็นท้องนาเขียวขจี กระทั่งเปลี่ยนไปเป็นทุ่งสีทอง ชาวนาทุกคนมีชีวิตที่ผูกพัน เคารพและศรัทธาในวิถีการทำนา เห็นได้จากพิธีกรรมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเคารพ นอบน้อมต่อข้าวที่เป็นดั่งพลังแห่งชีวิต ผมเองถึงแม้จะเป็นเด็กที่เติบโตมากับป่าเขา แต่ความรักและความผูกพันกับทุ่งนาก็ยังมีให้ได้คิดถึงอยู่มากพอควร...
จำได้ว่าตอนเด็กๆ พ่อกับแม่จะพาไปบ้านย่าบ่อยครั้ง บ้านย่าทำนาเป็นอาชีพหลัก เลี้ยงควายหลายสิบตัว มีล้อเกวียนเก่าๆ ไม่ได้ใช้งานมานานแล้วเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป มียุ้งข้าวขนาดใหญ่และครกไม้สำหรับตำข้าววางอยู่ไกล้ๆ บรรยากาศเป็นแบบชนบทโดยแท้ เมื่อข้าวเริ่มออกรวงยามลมพัดผ่านต้นข้าว ใบ...จะโอนพลิ้วตามทิศทางลมให้ความรู้สึกสดชื่น หายใจได้เต็มปอด ผมชอบยืนดูทุ่งนาเพราะเหตุผลนี้
กระทั่งถึงช่วงที่ข้าวตั้งท้อง มีน้ำนมข้าว เมื่อนั่งรถผ่านทุ่งนาจะหอมกลิ่นข้าว... "ข้าวหอมมะลิ" แม้จะอยู่ในช่วงตั้งท้องแต่ก็ยังได้กลิ่นหอมที่ลอยมากับลม "...หอมกลิ่นน้ำนมข้าว" ช่วงนี้จึงเป็นอีกช่วงเวลาที่สำคัญครับ ผมจะออกนากับแม่พร้อมเคียวเกี่ยวข้าว... แน่นอนครับ! เราไปเกี่ยวข้าว...
ข้าวตั้งท้อง จะหอมกลิ่นน้ำนมข้าว แม่ใช้เคียวคล่องมือดี... เกี่ยวข้าวมาพอประมาณ ใส่ไว้ในกะต่า (ตะกร้า) เพื่อนำไปทำอาหารว่างอย่างหนึ่ง เรียกว่า "เข่าเหม่า" (ออกเสียงแบบอีสาน)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น