แมงจีนูน... ภูมิปัญญาการหาอยู่หากินของชาวอีสาน




แมงจีนูน
           ที่มาภาพ : ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
http://www.isan.clubs.chula.ac.th


                ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว ปลายเดือนเมษายน เมฆบนท้องฟ้าเห็นเป็นสีหม่นๆ คล้ายควันบางๆ ปกคลุม ดูเหมือนฟ้าฝนจะมาในเวลาอันใกล้ ภายใต้ร่มไม้ที่แผ่กิ่งก้าน แม้ใบค่อนข้างเล็ก หากแต่ซ้อนหนาหลายชั้นจนถึงเรือนยอด ก็ช่วยคลายความร้อนอบอ้าวได้บ้าง ใบแก่ที่ร่วงโรย ปลิดปลิวลงบนพื้นดิน ถูกแทนที่ด้วยใบอ่อนเป็นมันวาว ให้ความสดชื่นบ่งบอกว่าชีวิตใหม่ ได้เริ่มต้นพร้อมการเปลี่ยนผ่านไปอีกฤดูกาล ทว่ากลับรู้สึกอ่อนไหวด้วยใบที่บอบบาง เป็นที่ต้องใจของแมลงที่รอลิ้มรสยอดไม้อ่อน


ข้อง
ที่มาภาพ : คลังวัตถุแถบลุ่มน้ำโขง 
http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/localobjects/

               เด็กน้อยหลับตาพริ้ม... ยืดตัวกางแขนรับอากาศบริสุทธิ์ ที่ข้างตัวมี "ข้อง" ที่สานด้วยไม้ไผ่เหลาเป็นตอกเส้นบาง สานขัดเป็นลวดลาย ขึ้นรูปคล้ายคนโฑปากกว้าง ฝาสานด้วยไม้ไผ่ให้มีช่องลึกและค่อยๆ แคบจนปิด ถูกนำมาสะพายข้างตัวด้วยทีท่ากระฉับกระเฉง มือถือด้ามเสียมที่ผ่านการตัดแต่งอย่างดีจากไม้เนื้อแข็ง ถากและตะไบผิวไม้ ทว่าไม่เรียบด้วยจงใจให้ผิวสัมผัสขรุขระ ไม่ลื่นมือ การเตรียมตัวเริ่มขึ้นแต่เช้ามืด พร้อมสำหรับภารกิจที่ยากจะคาดเดาว่าจะสำเร็จหรือไม่

                บัดนี้ร่มไม้ลำดวนเบื้องหน้า... ถูกยึดเป็นฐานปฏิบัติการ ภายใต้กิ่งก้านที่แผ่กว้างมีกล้าลำดวนเล็กๆ ขึ้นเองตามธรรมชาติจากผลที่สุกงอมและร่วงลงมา โผล่พ้นดินท้าทายแดดลม ภารกิจวันนี้คือ การขุดหาแมงจีนูนแดงหรือแมงอีนูนใหญ่ เด็กน้อยเรียนรู้การหาอยู่หากินแบบวิถีชนบทอีสาน ผ่านแม่และพ่อที่เป็นผู้นำขณะเดียวกันก็เป็นพี่เลี้ยง คอยอธิบาย ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ดูท่าภารกิจนี้จะไม่ง่ายเอาเสียเลย

                แม่ช่ำชองในการใช้เสียม ขุดสารพัดอย่างที่กินและขายได้ เวลานี้แม่จะได้แสดงฝีมือการขุดหาแมงจีนูนให้ได้เห็นเป็นขวัญตา เริ่มจากการใช้กิ่งไม้เขี่ยหาที่อยู่ของแมงจีนูนที่เรียกว่า "ขวย" ขวยคือดินที่คล้ายกับถูกพรวนด้วยพลั่วขนาดจิ๋วจนร่วนล้อมรอบปากรู สัญลักษณ์นี้บ่งชี้ว่าบริเวณนั้นน่าจะมีแมงจีนูนมักพบที่โคนต้นไม้ขนาดเล็ก ต้องเขียหาก่อนจะลงมือขุด

                "อิแม่คือขุดง่ายแท้" เด็กน้อยคิดในใจ เมื่อแม่ลงมือขุดด้วยท่าทีทะมัดทะแมง

                หน้าดินถูกถาก ขุดและแซะลึกลงเรื่อยๆ  ตามทิศทางของรูนั้นกระทั่งพบกับรังแมงจีนูน สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าตื่นตาตื่นใจนัก เพราะเมื่อขุดตามรูลงไปพบว่าเป็นโพรงที่ภายในเป็นเหมือนที่ชุมนุมขนาดย่อมของแมลงปีกแข็งสีน้ำตาล ขนาดตัวพอๆ กับนิ้วหัวแม่มือ หลายตัวอยู่ในรังเดียวสีปีกสะท้อนเป็นมันวาวเมื่อกระทบเข้ากับแสงที่ลอดมา ขนาดตัวใหญ่กว่าแมงจีนูนอีกชนิดที่มักพบบนยอดไม้ในเวลากลางคืน

                ผมช่วยแม่หยิบแมงจีนูนลงข้องทีละตัว ความรู้สึกครั้งนั้นจำได้ว่าตื่นเต้นมาก

                "ฮ่วย ขุดยาก...แท้หล่ะ"  ความรู้สึกเมื่อลงมือขุดด้วยตัวเองช่างยากเย็นกว่าจะได้แต่ละตัว ทว่าแม่ยังคงขุดต่อไป...  กระทั่งเห็นว่าพอควร ทั้งสองจึงวางมือและเดินทางกลับ เช่นเคย... ลูกมือตัวเล็กยังคงเดินตามหลังไม่ห่าง

              ขากลับข้องใบเดียวกันนั้น บัดนี้พื้นที่ภายในนอกจากจะเต็มด้วยแมลงปีกสีน้ำตาลปีกมันแล้ว ยังมีความภูมิใจ ตื่นเต้น และเรื่องเล่าต่างๆ บรรจุอยู่จนแทบล้นออกมา เด็กน้อยเดินทางกลับด้วยความลิงโลด แน่นอน... มื้อเย็นนี้จะได้ช่วยแม่รังสรรค์เมนู "ป่นแมงจีนูนคั่วเกลือ "

               "แค่คิด... กะแซบแล้ว" เด็กน้อยยิ้มในใจ
          .
          .
แมงจีนูนคั่วเกลือ
ที่มาภาพ : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ กระทรวงวัฒนธรรม
https://www.m-culture.go.th/sisaket/ewt_news.php?nid=836&filename=index

               แมงจีนูนที่ได้ จะถูกเด็ดปีกแข็งสีน้ำตาลด้านนอกสุดและส่วนขาที่แข็งทิ้ง ล้างหลายน้ำจนสะอาด จากนั้นคั่วเกลือด้วยไฟอ่อนๆ กระทั่งสุก ลองหยิบทานรสชาติมันเค็ม ก่อนจะนำไปขโลกรวมกับพริก กระเทียม หอมแดงที่คั่วแล้ว ปรุงรส อาจเติมน้ำปลาร้านิดหน่อยเพิ่มรสชาติ ทานกับผักป่าหรือผักริมรั้วลวกพอสลด พร้อมข้าวสวยร้อนๆ แซบอีหลีเด้อ
          .
          .

                แม้จะผ่านมาหลายปี ความทรงจำดีๆ นี้ไม่เคยจางหาย วิถีชีวิตที่อาศัยธรรมชาติ... ขอบคุณต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ขอบคุณผืนป่า ขอบคุณภูมิปัญญาบรรพบุรุษที่สืบทอดมารุ่นแล้วรุ่นเล่า

ภูมิปัญญาการหาอยู่หากินเช่นนี้ สอนเราว่า... 

"วิถีคนอีสานยังคงดำเนินต่อไป...  ตราบเท่าที่ธรรมชาติคงอยู่"

               






                                       

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมากไม้...ในฤดูร้อน

ข้าวเม่า