ไกลปืนเที่ยง....


ในความทรงจำ

...ไกลปืนเที่ยง เป็นสำนวนไทย หมายถึง ห่างไกลความเจริญ
สมัยก่อนยังไม่มีเครื่องบอกเวลา แต่จะมีการยิงปืนใหญ่เป็นการบอกเวลาแทน
ไกลปืนเที่ยงจึงหมายความว่า อยู่ไกลมากจนไม่ได้ยินเสียงสัญญาณปืนที่บอกเวลานั่นเอง

                    สำนวน...ไกลปืนเที่ยง...คงคุ้นหูใครหลายๆ คน โดยเฉพาะเด็กบ้านนอก...ที่ไกลห่างจากความเจริญอย่างผมด้วยแล้ว จะยิ่งสัมผัสและซาบซึ้งในความหมายของสำนวนนี้มากพอควร

                    เด็กชายแดน เกิดและโตบนถิ่นฐานวัฒนธรรมอีสานอย่างผม แม้จะเกิดในยุคสมัยที่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิต สะดวกสบายขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าสังคมทุกวันนี้นั้นยังมีความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาที่ยั่งยืนก็ยังคงเป็นเพียงนโยบายที่เขียนไว้สวยหรูบนหน้ากระดาษ และความสะดวกสบายเหล่านั้นก็ยังไกล...ไกลเกินกว่าเด็กบ้านนอกอย่างเราจะไขว่คว้าและสัมผัสได้

จะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ..."เรายังด้อยโอกาสครับ"...

                    ผมจะเล่าถึงเรื่องราวสมัยเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่ง โรงเรียนที่รายล้อมไปด้วยป่า ดอกหญ้า ใบไม้และสายลมเย็นๆ มีอาคารเรียนเพียง 1 หลัง หากยืนบนอาคารเรียนจะมองเห็นทิวทัศน์ไกลสุดลูกหูลูกตา เพราะโรงเรียนตั้งอยู่บนเขาเล็กๆ มีครูอยู่ 2-3 คน ไม่มีภารโรง แม่ครัว หรือกระทั่งโรงครัว ...พวกเราดูแลกันเองครับ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องพูดถึงสำนวนไกลปืนเที่ยงและความด้อยโอกาส...ในตอนต้น



                    ..."นานเท่าใดแล้ว..."     ถึงตอนนี้ ยังคงนึกถึงบรรยากาศในวัยเด็กกับโรงเรียนหลังเขาเล็กๆ นั่น นานทีเดียวที่ไม่ได้กลับไปสัมผัสความรู้สึกและกลิ่นไอเดิมๆ วันนี้นั่งเตรียมการสอน กวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นตัวเล็กๆ บางกลุ่ม วิ่งเล่นกันสนุกสนาน พาให้นึกถึงตัวเองในวัยไร้เดียงสา เรื่องราวเก่าๆ จึงผุดขึ้นมาในหัวมากมาย นั่งยิ้มให้กับอดีตที่เหมือนนำภาพฟิล์มมาฉายซ้ำอีกครั้ง...

                    เด็กชายแกละ (เมื่อก่อนไว้ผมแกละตามความเชื่อโบราณ) กับชุดนักเรียนตัวเก่ง กระเป๋าเป้ และเหรียญบาท 3 เหรียญ กับเพื่อนร่วมทาง 2-3 คน เดินเท้าจากบ้านมาโรงเรียน ระยะทางประมาณกิโลเมตรกว่าๆ ยังถือว่าไม่ไกลนัก ระหว่างทางก็คุยกันเรื่อยเปื่อย สนุกสนานตามประสาเด็ก เดินจนถึงโรงเรียนโดยไม่รู้สึกว่าไกลหรือเหนื่อยเลย สมัยนั้นจะมีแม่ค้าในหมู่บ้าน แกชื่อยายละมุล เช้าๆ จะมีขนมนมเนยใส่ตะกร้าหาบมาขายที่โรงเรียน ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นส้มตำปลาร้าถุงละบาท พร้อมกับผักบุ้งเป็นผักเคียงกินด้วยกัน ...กินส้มตำยามเช้าเคล้ากลิ่นปลาร้าก่อนเข้าเรียน   หึ หึ...  คงพิลึกไม่ใช้น้อย แต่น่าแปลกตรงที่เด็กๆ ไม่เคยท้องเสียระหว่างวันหรือเพราะระบบทางเดินอาหารของเด็กอีสานส่วนใหญ่ มีภูมิต้านทานต่ออาหารประเภทนี้ดีหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ

                   ทุกๆ เช้าจะพบเจอบรรยากาศเช่นนี้จนชินตาเสียแล้ว แต่อย่าว่าเลย เราเองก็เอากับเค้าด้วยเหมือนกัน...5555

                    โรงเรียนเล็กๆ ของผม ถึงจะไกลปืนเที่ยงสักหน่อย แต่ก็เอาเถอะ... อย่างน้อยก็มีเพื่อนที่ดี มีคุณครูที่น่ารัก มีต้นไม้ให้ร่มเงาและอากาศที่สดชื่น เท่านี้ก็คงไม่ต้องวิ่งหาความสุขจากที่ใดแล้ว...




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมากไม้...ในฤดูร้อน

แมงจีนูน... ภูมิปัญญาการหาอยู่หากินของชาวอีสาน

ข้าวเม่า