เมื่อ...ลมหนาวมาเยือน



                    ม่านหมอกบางๆ ยามที่ดวงอาทิตย์ดวงโตกำลังจะลาลับขอบฟ้า ขับให้แสงที่แผ่มานั้นเป็นสีแดงส้มและเมื่อสะท้อนกับเมฆกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยที่ลอยเกลื่อนฟ้า จะกลายเป็นท้องฟ้าสีแดงก่ำ ทั้งสวยงามน่าดูแต่ขณะเดียวกันก็ซ่อนความน่ายำเกรงไว้ทุกครั้งเมื่อแหงนมอง ฟ้ายามแลงเช่นนี้ พ่อมักจะชี้ให้ผมดูบ่อยๆ พ่อว่าเป็น "เลือดยักษ์กุมภัณฑ์" ซึ่งอาจมีเรื่องเล่าหรือตำนานอันเป็นที่มาของชื่อเรียกท้องฟ้าลักษณะนี้....  แลเบื้องล่างคือท้องทุ่ง.... ที่บัดนี้มีดอกหญ้าหลากชนิดกำลังชูช่อไหวติงตามทางลมที่พัดผ่าน บางช่อตูมเต่งพร้อมสัมผัสไอหมอกและบานรับแดดอุ่นๆ ในยามเช้าของวันพรุ่ง บรรยากาศยามเย็นเช่นนี้ บอกให้เรารู้ว่า ฤดูหนาว...มาเยือนแล้ว




                    เมื่อแสงยิ่งอ่อนแรงลงทีไร... ลมแผ่วๆ ที่บางเบาเมื่อช่วงเย็น บัดนี้กลับพัดพาความหนาวเหน็บมากระทบผิวกายให้เย็นเยือกหนักขึ้นทุกที เสียงจักจั่นเรไรก้องอยู่ทั่วไปชวนให้หลับไหลไปกับเสียงขับกล่อมของบทเพลงธรรมชาตินั้น... ดึกขึ้นน้ำค้างลงจัด... บ้านไม้ยกพื้นกระดานสูงมุงหญ้าคา มีไม้ฝาที่ยังไม่ผ่านการไสแต่ง แสดงให้เห็นรอยคมเลื่อยเหล็กขนาดใหญ่ที่อาศัยแรงมือชักไปมาจนได้เป็นฝาบ้านช่วยบังลมหนาวเพียงเท่านั้น ในบ้านมีพวกเรา 5 คน เบียดกันนอนภายใต้ผ้าห่มนวมสีชมพูเก่าๆ เพียงผืนเดียว เท้าที่โผล่พ้นผ้านวมออกมาบางคราวพยายามจิกปลายผ้าให้คลุมเพื่อไม่ให้สัมผัสอากาศที่เย็นเยือกในยามดึก ส่วนผมหลับสบายภายใต้อ้อมกอดแม่ หลับไหลไปกับค่ำคืนของฤดูหนาวอันแสนยาวนาน


                    ควันขาวๆ คล้ายหมอกหนาแน่น ลอยขึ้นจากบริเวณครัวแล้วค่อยสลายไปกับอากาศเย็นๆ ในยามเช้า คือควัน... จากการหุงหาอาหารของแม่... ปลุกผมให้รีบสลัดผ้าห่มนวม แล้ววิ่งตรงไปที่วงสนทนารอบกองไฟขนาดย่อม มือเล็กๆ แบพร้อมกับยื่นออกมารับไออุ่นจากเปลวไฟตรงหน้า เพื่อคลายความหนาวเย็น...  เป็นประจำทุกเช้าที่เพื่อนบ้านในละแวกนั้นจะมานั่งผิงไฟคลายหนาวรวมทั้งถือโอกาสพูดคุยกัน ซึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่องการทำมาหากินไปจนถึงเรื่องตลกขบขันที่ทำให้หลายคนหัวร่องอหายไปตามๆ กัน


           
                    ฤดูหนาวเช่นนี้ ทุกเช้าพ่อจะตื่นมาขุดเผือกเจ๊ก เผือกพม่า หรือไม่ก็มันห้านาที ที่ปลูกไว้รอบๆ สวน แล้วหมกในถ่านไฟหรือขี้เถ้าร้อนรอผมเสมอ กินเผือกหมกมันเผาหน้าเตาผิง... เป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก จนทุกวันนี้หากมีโอกาสกลับบ้านยามหน้าหนาว ยังต้องขอให้พ่อทำให้กินอยู่เรื่อยๆ นี่คงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมชอบบรรยากาศในหน้าหนาวมากที่สุด


                    เคยลองเผาหรือหมกด้วยตัวเองดูบ้าง... แต่ก็ไม่เคยได้กินของดีๆ เพราะส่วนใหญ่จะไหม้จนดูไม่น่ากินเอาเสียเลย พ่อจะทำให้ตลอดจนโตขนาดนี้ผมยังต้องพึ่งพ่อ พ่อมักพูดว่าโตป่านนี้แล้วพ่อยังต้องทำให้กินอีก แต่จะบ่นพอเป็นพิธีและหลังจากนั้นจะรีบจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยเพื่อผม ถึงจะบ่นอย่างไรแต่รอยยิ้มของพ่อทำให้ผมรู้ว่า ...

"พ่อไม่เคยเหนื่อยเลยและดีใจทุกครั้งที่ลูกยังอยากกินเผือกหมกมันเผาฝีมือตัวเอง"

                    บรรยากาศอบอุ่นท่ามกลางฤดูหนาว... นานแล้วไม่ได้กลับไปสัมผัส ได้แต่ถวิลหาความสุขเช่นนั้น ที่แม้ผ่านมานานเท่าใดแล้ว ก็ยังแวะเวียนกลับมาให้ได้คิดถึงและสุขใจอยู่เสมอมา...



     คิดถึงเสมอนะ....ลมหนาวครั้งเยาว์วัย          




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมากไม้...ในฤดูร้อน

แมงจีนูน... ภูมิปัญญาการหาอยู่หากินของชาวอีสาน

ข้าวเม่า