เก้าอี้ดิน ...กับ... โต๊ะหินทราย



                    ... ไผ่ใบเล็ก สีเสียดจนเกิดทำนองธรรมชาติ ผสานเสียงลำไผ่เบียดโอนเอนตามแรงลม ตามด้วยใบมะม่วงใหญ่กระทบกันเป็นจังหวะ แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดลอดผ่านใบไม้ลงมากระทบผืนดินเบื้องล่างที่โล่งเตียนเป็นหย่อมเล็กๆ บ่งบอกว่าใต้ร่มไม้ใหญ่นี้เป็นที่ถูกใช้งานบ่อย ลมเย็นๆ กับบรรยากาศเช่นนี้เองทำให้ร่มไม้ข้างอาคารเรียน มักจะมีเด็กๆ มาวิ่งเล่นและพักผ่อนอยู่ไม่เคยขาด




       

                    ใต้ร่มมะม่วงใหญ่นี้ หลายครั้งหลายครายังถูกใช้เป็นห้องเรียนของพวกเรา ผมเรียกมันว่า "ห้องเรียนธรรมชาติ" เรียนท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ น่ารักดีครับเรียนไปดูนกดูแมลงไปเข้าท่าทีเดียว วันไหนนึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา ครูป้าแขก (ครูประจำชั้นของผม) จะบอกให้เด็กๆ หอบหนังสือเรียนและเก้าอี้ไม้ตัวเก่งของแต่ละคนลงมาเรียนที่ห้องเรียนธรรมชาติ เก้าอี้สมัยก่อนจะเบาเพราะทำจากกระดานอัดและโครงเหล็กกลมกลวงเล็กๆ เด็กๆ จึงแบกลงบันไดมาได้สบายมาก ทำไมต้องแบกเก้าอี้มาด้วยเหรอครับ... หากให้ทายคงจะบอกว่า "ก็เอามานั่งนะสิ...ถามได้" แต่ความจริงคือ มันถูกใช้แทนโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วผมจะนั่งยังไง...?  # พื้นดินครับ พื้นดินคือเบาะนั่งที่สบายดีที่สุดในเวลานั้น


                    เด็กบ้านนอกอยู่กับดินกินกับทรายหากจะนั่งเรียนอย่างนั้นก็คงไม่แปลกและไม่รู้สึกลำบากใจเลยแถมเย็นดีอีกต่างหาก นอกจากนั้นแล้วบางคนก็จับจองก้อนหินทรายขนาดใหญ่ ความจริงต้องเรียกว่าแท่นหินจะถูกกว่า เพราะมีขนาดใหญ่และผิวเรียบดี เหมาะกับการนั่งเขียนหนังสือเป็นอย่างยิ่ง ส่วนครูป้าแขก จะมีที่นั่งประจำตำแหน่ง คือ แท่นหินใต้ร่มไม้นั้นเอง แลดูทุกอย่างช่างเหมาะเจาะเสียนี่กระไร


                    บางวัน...ที่นี่ยังเป็นห้องเรียนวิชาดนตรีของพวกเรา   .... เสียงกีตาร์ เสียงเล็กๆ อันเจื้อยแจ้วของเด็กๆ และเสียงของธรรมชาติ ผสานกันอย่างลงตัว เป็นเสียงแห่งความสุขที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจไม่เคยจาง ความสุขที่ยากจะลืมนั้นนึกถึงทีไรก็อดที่จะยิ้มและอยากหวนกลับไปเป็นเด็กอีกครา ความสุขที่เด็กอย่างพวกเราเท่านั้นที่จะเข้าใจ

เด็กบ้านนอกหลังเขาอย่างพวกผม จะมีกีตาร์มาเล่นได้อย่างไร
                 
                    จริงๆ แล้ว กีตาร์ตัวนั้นเป็นของพี่แจ้ ลูกชายของครูป้าแขก พี่แจ้เป็นพี่ชายที่ใจดี ชอบพาพวกเราไปนั่งร้องเพลงที่แท่นหินทรายใต้ร่มไม้ คุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง แต่นานๆ ทีความสุขแบบนี้จะมาให้เจอ เพราะพี่แจ้คงไม่ว่างพอที่จะพาพวกเราทำกิจกรรมสนุกๆ แบบนี้ได้บ่อยนักหรอก




                    คิดถึงทีไรใจมันก็สุขและพองโต เพราะ....ยังจำกลิ่นดินกลิ่นร่มไม้ใบหญ้า ที่โรงเรียนหลังเขานั้นได้ไม่เคยลืม ถวิลหาความหลังเมื่อครั้งยังเป็นเด็กชายแกละตัวเล็กๆ คิดถึงเพื่อนสนิทมิตรสหายที่ต่างแยกย้ายตามวิถีของตน เติบโตและเรียนรู้ชีวิตกันไป

ยังคิดถึงเพื่อน...ที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมเรียนด้วยกัน 

 .....บน  "เก้าอี้ดิน ...กับ... โต๊ะหินทราย"




ความคิดเห็น

  1. อ่านไปแอบอมยิ้มไป คิดถึงตอนเด็กๆมากๆ มีความสุข ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความสุขในวัยเด็ก สวยงามเสมอจ้า

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หมากไม้...ในฤดูร้อน

แมงจีนูน... ภูมิปัญญาการหาอยู่หากินของชาวอีสาน

ข้าวเม่า